ยินดีต้อนรับทุกท่าน.....ที่เข้ามาเยี่ยมชม Blog ของ สมุนไพรไทย

สมุนไพร หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ การใช้สมุนไพรสำหรับรักษาโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ นี้ จะต้องนำเอาสมุนไพรตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า "ยา" ในตำรับยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจประกอบด้วยสัตว์และแร่ธาตุอีกด้วย เราเรียกพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของยานี้ว่า "เภสัชวัตถุ"พืชสมุนไพรบางชนิด เช่น เร่ว กระวาน กานพลู และจันทน์เทศ เป็นต้น เป็นพืชที่มีกลิ่นหอมและมีรสเผ็ดร้อน ใช้เป็นยาสำหรับขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ พืชเหล่านี้ถ้านำมาปรุงอาหารเราจะเรียกว่า "เครื่องเทศ" ในพระราชบัญญัติยาฉบับที่3 ปีพุทธศักราช 2522 ได้แบ่งยาที่ได้จากเภสัชวัตถุนี้ไว้เป็น 2 ประเภทคือ ยาแผนโบราณ และยาสมุนไพร

ปัจจุบันมีผู้พยายามศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนายาสมุนไพรให้สามารถนำมาใช้ในรูปแบบที่สะดวกยิ่งขึ้น เช่น นำมาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล ตอกเป็นยาเม็ด เตรียมเป็นครีมหรือยาขี้ผึ้งเพื่อใช้ทาภายนอก เป็นต้น ในการศึกษาวิจัยเพื่อนำสมุนไพรมาใช้เป็นยาแผนปัจจุบันนั้น ได้มีการวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยพยายามสกัดสารสำคัญจากสมุนไพรเพื่อให้ได้สารที่บริสุทธิ์ ศึกษาคุณสมบัติทางด้านเคมี ฟิสิกส์ของสารเพื่อให้ทราบว่าเป็นสารชนิดใด ตรวจสอบฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาในสัตว์ทดลองเพื่อดูให้ได้ผลดีในการรักษาโรคหรือไม่เพียงใด ศึกษาความเป็นพิษและผลข้างเคียง เมื่อพบว่าสารชนิดใดให้ผลในการรักษาที่ดี โดยไม่มีพิษหรือมีพิษข้างเคียงน้อยจึงนำสารนั้นมาเตรียมเป็นยารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อทดลองใช้ต่อไป

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

กิน 'แตงโม' แก้กระหายน้ำ...ป้องกันสารพัดโรค


             อากาศร้อนๆ แบบนี้ อาจทำให้หลายๆ คนมองหากิจกรรมหรือวิธีคลายร้อนกันอยู่ วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คลายร้อนได้ง่ายๆ แถมอิ่มท้องอีกด้วย นั่นก็คือการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรือทานผลไม้แก้กระหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "แตงโม" ถือเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของน้ำสูงรับประทานแล้วชื่นใจ
             แตงโม เป็นไม้เกาะเลื้อยล้มลุกในกลุ่มเดียวกันกับแตงกวา น้ำเต้า ฟักทอง ซึ่งนักพฤกษ ศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family Cucurbitaceae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai ในผลแตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่เรียกว่า "ไลโคปีน" (Lycopene) เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรที นอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Anti oxidant) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ อีกทั้งเบตาแคโรทีน (B-Carotene) ที่มีในเนื้อแตงโมเป็นสารที่ร่างกายใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจและระบบขับปัสสาวะ ช่วยทำให้ผิวพรรณและผมแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยเรื่องการมองเห็นอีกด้วย
             สารสำคัญอีกชนิดหนึ่งคือสาร 'ซิทรูไลน์' (Citruline) ช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์สำหรับคนเป็นโรคอ้วนและเบาหวาน โดยจะพบสารซิทรูไลน์ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ฉะนั้นการ รับประทานแตงโมที่มีส่วนขาวๆ ของเปลือกติดไปด้วยจึงได้ประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะเฉือนออกทิ้ง ที่สำคัญสาวๆ ที่กำลังลดความอ้วนอยู่ก็สามารถเลือกรับประทานแตงโมได้เนื่องจากมีแคลอรีต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น ธาตุโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งโมเลกุลของน้ำตาลและกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี
              อย่างไรก็ตามแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลง ชาวสวนจึงนิยมฉีดยาฆ่าแมลงเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนไม่ว่าจะเป็นแตงโมพันธุ์สีแดงหรือสีเหลือง ผลกลมหรือผลรีก็ตาม เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น